Table of contents
- 🐬Introduction
- 🐬Diving into Flipper Zero
- 🐬Flipper Zero First start
- 🐬Start Procedure
- 1. Plug in USB to PC
- 2. Power on
- ⚠️อุปกรณ์ไม่สามารถอัปเดต แสดงภาพ หรือไม่มีการตอบสนองเมื่อกดปุ่ม ⚠️
- ⚠️อุปกรณ์ทำงานได้ แต่ไม่สามารถอัปเดตได้⚠️
- ⚠️อุปกรณ์ไม่ตอบสนองหรือไม่สามารถเข้าสู่เมนูได้⚠️
- ⚠️ตรวจสอบการเชื่อมต่อ⚠️
- ⚠️อุปกรณ์ไม่ถูกตรวจพบเป็นอุปกรณ์ DFU⚠️
- ⚠️qFlipper ไม่สามารถซ่อมแซมเฟิร์มแวร์ได้⚠️
- 3. Insert MicroSD card
- 4. Update Firmware
- 💀 Flipper Zero in Penetration Testing
- 🔥Coming up Next !!!
สวัสดีครับทุกคน สำหรับในบล็อคนี้ผมก็จะมาเขียน Research เกี่ยวกับ Flipper Zero 101 สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเล่นอุปกรณ์ในเรื่องของ Red Team Assessment Hardware ครับ
src : My Red Team assessment hardware – David Sopas – Security Researcher
สำหรับเนื้อหาในบล็อคนี้จะเป็นการปูเนื้อหา ที่มาที่ไปของอุปกรณ์ Flipper Zero ว่าเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร รวมไปถึงเจาะลึกถึงระบบภายในอุปกรณ์คร่าวๆ ว่ามี ฟีเจอร์และอุปกรณ์อะไรบ้างที่ประกอบเข้าด้วยกันภายในเครื่อง Flipper Zero เครื่องนี้ครับว่าจะเป็นยังไง ลุยกันเลยครับ 🔥
🐬Introduction
ก่อนที่จะมาเป็นอุปกรณ์ที่ชื่อว่า Flipper Zero เริ่มจากการที่ Pavel Zhovner ผู้ริเริ่มโปรเจคได้รับแรงบรรดาลใจจาก Pwnagotchi (◕‿‿◕)
Pwnagotchi - Deep Reinforcement Learning instrumenting bettercap for WiFi pwning.
🐬Pwnagotchi
- ทำไปทำไม สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร 😑
จากที่ผมหาข้อมูลมาหลักๆก็คือ เพื่อเสริมสร้าง Reinforcement Learning ให้แฮกเกอร์ที่สนใจ รวมไปถึงเรื่องของ WiFi networking และอีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เขาอยากให้แฮกเกอร์ลุกออกจากหน้าจอและคีย์บอร์ดแล้วออกไปเดินเล่นซะบ้าง 😹
💡Note
ว่าด้วยเรื่องของ Reinforcement Learning จริงๆคำนี้น่าสนใจนะครับ จากที่ค้นหามาความหมายของมันก็คือ เป็นวิธีการหนึ่งของการทำ Machine learning แต่ถ้าเปรียบเสมือนถึงการทำงานของมนุษย์แล้วนั่นก็คือ การที่มนุษย์เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างด้วยการลองผิดลองถูก และมีการเรียนรู้เกิดขึ้นระหว่างทางว่าการกระทำไหนดีหรือไม่ดี นั่นเองครับ
ภาพแสดงหลักการทำงานของ Reinforcement Learning
(แหล่งที่มาภาพจาก en.wikipedia.org/wiki/Reinforcement_learning)
- ความหมายของคำว่า Pwnagotchi (ポーナゴッチ)
เป็นการผสมคำระหว่าง "pwn" และ "-gotchi" ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงของเล่นยอดนิยมในยุค 1990 ที่ชื่อว่า ทามาก็อตจิ (たまごっち) ทามาก็อตจิ มาจากคำว่า "ทามาโกะ" (たまご) ที่แปลว่า "ไข่" และ "อุจจิ" (ウオッチ) ที่แปลว่า "นาฬิกา" เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมสำหรับแฮกเกอร์รุ่นมิลเลนเนียลหลายๆ คน ในฐานะของเล่นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีบทบาทสำคัญในวัยเด็กของพวกเขา ยกตัวอย่างง่ายๆ สำหรับคนที่เกิดไม่ทันนะครับ 🥲 เช่น อนิเมะอย่าง Digimon ที่จะมีอุปกรณ์อย่าง Digivice เอาไว้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงจำลองนั่นแหละครับ
🐬The Cyber-Dolphin
หลังจากนั้น Pavel Zhovner ได้ไอเดียจากตัวละคร คือโลมาไซบอร์ก "Jones" จากเรื่อง Johnny Mnemonic โดย William Gibson โดยเขาได้เขียนผ่าน Flipper blog โดยมีคอนเซ็ปว่า “cyber-dolphin (โลมาไซเบอร์) นี้อาศัยอยู่ใน Flipper และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ ช่วยให้ผู้ใช้คุ้นเคยกับฟีเจอร์ต่างๆ และแสดงความคิดเห็นต่อการกระทำของผู้ใช้ มันจะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับผู้ใช้และเก่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มระดับของมัน โลมาตัวนี้มีบุคลิกที่ซับซ้อน ซึ่งสะท้อนผ่านการกระทำ คำพูด และอารมณ์ทุกอย่าง”
💡Note
Jones the Dolphin
Jones เป็นโลมาไซบอร์กซึ่งเคยถูกกองทัพเรือใช้ในสงคราม เขาปฏิบัติการในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยใช้เซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่เพื่อเจาะเข้าไปในวงจรของกับระเบิดไซเบอร์ของศัตรูและกวาดล้างมัน เขาถูกทำให้ติดยาเพื่อควบคุมพฤติกรรม และร่างกายของเขาถูกดัดแปลงด้วยเกราะที่มีแผ่นโลหะอยู่ด้านข้าง ส่วนที่เปิดเผยของร่างกายแสดงให้เห็นร่องรอยโลหะสีเงิน รวมถึงความผิดปกติสองแห่งที่ออกแบบมาให้ติดตั้งเซ็นเซอร์ กองทัพเรือยังเชื่อมโยงเขากับจอแสดงผลแบบภาพและเสียง และเขาสื่อสารด้วยสัญลักษณ์และสี
src : Jones | William Gibson Wiki | Fandom
src : https://techsauce.co/tech-and-biz/flipper-zero-kickstarter
🐬Flipper Zero design
- การออกแบบ Flipper Zero
Flipper Zero development process
ในเรื่องของการออกแบบ Flipper Zero ได้แรงบันดาลใจมาจาก โทรศัพท์มือถือเก่าอย่าง Siemens C55 ที่มีจอแสดงผลสีส้ม เหตุผลที่นำมาใช้ก็คือ เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นและชวนให้นึกถึงความทรงจำในอดีตครับ (old school boy จริงๆ)😸
💡 Note
หน้าตาโทรศัพท์มือถือ Siemens C55 ครับ
- คุณสมบัติและการพัฒนา
Flipper Zero ได้รับการออกแบบมาให้เหมือน "มีดพกสวิสในโลกอิเล็กทรอนิกส์" (Swiss-army knife) รวมฟังก์ชันที่จำเป็นทั้งหมดในอุปกรณ์เดียว เช่น เสาอากาศ 125 kHz ,ชิป CC1101 ,โมดูล NFC ในตัว ,การเชื่อมต่อ Bluetooth Low Energy (BLE) ,ตัวอ่านและเขียนคีย์ iButton ,เครื่องส่งสัญญาณอินฟราเรด และช่องเสียบ microSD ทั้งหมดนี้ถูกบรรจุในตัวเครื่องที่มีดีไซน์คล้ายของเล่น
- ความเป็นเอกลักษณ์
Sketches of in-house modules for the Flipper Zero
สิ่งที่ทำให้ Flipper Zero แตกต่างคือ มาสคอต โลมาสไตล์ไซเบอร์พังค์ ที่ทำหน้าที่เหมือน Tamagotchi โดยมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามการใช้งานของผู้ใช้
🐬Diving into Flipper Zero
🐬External Components
ก่อนอื่นเราดูส่วนประกอบภายนอกกันก่อนครับ
⚙️Body
สีและพื้นผิวที่ต่างกันในภาพใช้แสดงพื้นผิวที่ต่างกันครับ ซึ่งสีเขียวหมายถึงพื้นผิวขรุขระเล็กน้อยที่ให้สัมผัสนุ่มนวล สีน้ำตาลแดงหมายถึงพื้นผิวเรียบเงา ตามผู้ออกแบบกล่าวมานะครับ แต่ความเป็นจริงก็สัมผัสประมาณนั้นเลย
โลโก้ของ Flipper จะพิมพ์ด้วยการพิมพ์สกรีน
ความสูง (Height): 40.1 มม. (1.58 นิ้ว)
ความกว้าง (Width): 100.3 มม. (3.95 นิ้ว)
LCD Display Ultra-Low Power
- หน้าจอ LCD ที่ใช้พลังงานต่ำมาก ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่และเหมาะสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง
5-Button Directional Pad
- แผงปุ่มนำทาง 5 ปุ่ม ใช้สำหรับการควบคุมและเลือกเมนู
Back Button
- ปุ่มย้อนกลับ ใช้สำหรับออกจากเมนูหรือกลับไปยังหน้าก่อนหน้า
Status LED
- ไฟ LED แสดงสถานะ ซึ่งอาจใช้แจ้งเตือนหรือแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์
MicroSD Card Slot
- ช่องสำหรับใส่การ์ด MicroSD ใช้สำหรับเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหรืออัปโหลดไฟล์
ความลึก (Depth): 25.6 มม. (1.01 นิ้ว)
น้ำหนัก (Weight): 102 กรัม (3.6 ออนซ์)
- GPIO (General Purpose Input/Output) จะทำด้วยการยิงเลเซอร์ เนื่องจากตัวอักษรเล็ก การพิมพ์สกรีนจะให้ความคมชัดน้อยกว่า
- เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจว่าด้านใดถูกต้องในการใส่การ์ด SD (มุมไหนอยู่) ทางผู้ออกแบบจึงตัดสินใจเพิ่มรูปสัญลักษณ์ที่มีประโยชน์ จะมีการทำเครื่องหมายด้วยเลเซอร์ด้วยครับ ไม่นั้นเดียวมีใส่ SD card กลับด้านมั้งแหละ 😹
⚙️ Screen Protector
- "กระจก" นี้ช่วยป้องกันการสัมผัสตรงกับจอแสดงผล โดยพื้นผิวต้องเรียบเนียน
ประเภทหน้าจอ (Type): Monochrome LCD (หน้าจอขาวดำ)
ความละเอียด (Resolution): 128x64 พิกเซล
คอนโทรลเลอร์ (Controller): ST7567
อินเทอร์เฟซ (Interface): SPI (Serial Peripheral Interface)
ขนาดเส้นทแยงมุม (Diagonal Size): 1.4 นิ้ว
src : ST7567.pdf
💡 Note
สำหรับผมซื้อฟิล์มมาติดด้วยครับจะได้ป้องกันเกิดเวลาเราเผลอทำตกแล้วจอไถลขูดพื้นครับ
⚠️ ห้ามใช้แอลกอฮอล์เช็คนะครับเดียวกาวฟิล์มลอกหมด
⚙️Light Guide for a Status LED
- ไฟ RGB LED ถูกวางไว้ลึกภายในตัวเครื่อง เป็นตัวช่วยนำแสงช่วยส่งแสงจาก LED ขึ้นมาที่พื้นผิวตัวเครื่องครับ
- สถานะ RGB LED จะอยู่ลึกเข้าไปในตัวเครื่อง - บน PCB (Print Circuit Board) เพื่อให้มองเห็นแสงนี้บนพื้นผิว ท่อพลาสติกซึ่งเป็นตัวนำแสงจะถูกวางไว้ที่ด้านบนของ LED ซึ่งแสงจะส่องผ่านเข้าไป นอกจากนี้ยัง "ผสม" สีต่างๆ ของ RGB เพื่อให้ได้สีกลางที่สม่ำเสมอ เช่น สีขาวหรือสีเหลือง
⚙️IR Window
- พอร์ตอินฟราเรดถูกปิดด้วยหน้าต่างสีแดงเข้มซึ่งมีวัสดุตัดแสงที่มองเห็นออกแต่มีความโปร่งใสต่อสเปกตรัม IR (Infrared) นอกจากฟังก์ชันการตกแต่งแล้ว ฟิลเตอร์นี้ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพการรับสัญญาณ IR (Infrared) อีกด้วย สิ่งเหล่านั้นเหมือนกับบนรีโมททีวีทั่วไปที่เราใช้งานกันครับ
ตำแหน่งหน้าต่าง IR
⚙️Buttons
- มีส่วนประกอบ 3 ชิ้น: วงกลมจอยสติ๊ก ปุ่มกลาง และปุ่มย้อนกลับ โดยมีสปริงช่วยให้กดได้อย่างยืดหยุ่น
⚙️Strap Reinforcement
ตัวยึดสายคล้องมีการเสริมความแข็งแรงในช่องคล้องสายเพื่อป้องกันการรับน้ำหนักโดยตรงที่มุมบางของตัวเครื่อง
⚙️Buttons and Screen Frame
- ช่วยยึดหน้าจอและปุ่ม รวมถึงกระจายแรงบนตัวเครื่องและตัวป้องกันหน้าจอ
⚙️Carcass
- ช่วยยึดแบตเตอรี่และบอร์ด PCB (Print Circuit Board) ของ RFID (Radio Frequency Identification)
- ส่วนนี้ถูกแทรกเข้าไปในส่วนล่างของตัวเครื่องระหว่างแบตเตอรี่และ PCB RFID และทำหน้าที่สำหรับฟังก์ชันต่างๆ มากมาย: การวางตำแหน่งแบตเตอรี่ การยึด FFC ตลอดจนการยึด iButton+IR และ RFID PCB
💡 Note
RFID (Radio Frequency Identification)
FFC (Flat Flexible Cable)
⚙️Bottom Cover
- มีแผ่นสัมผัส iButton และรูสำหรับใส่สกรู พิกโตแกรมที่บังคับโดยมาตรฐานการรับรองถูกวางไว้ที่ใต้ฝาปิดนี้
💡 Note
Pre-final tooling details. Getting ready for production launch
✨Live 3D model
✨Old Case vs New Case
ปัจจุบันถ้าเราสั่งซื้อ จะได้ Case ใหม่ทั้งหมดนะครับ ส่วน Case เก่าจะน่าประมาณปี 2020 ซึ่งก็ผ่านมานานแล้ว หลักๆ ที่สามารถสังเกตได้ชัดว่าแบบเก่าหรือแบบใหม่ให้ดูได้จาก
- แถบ IR ครับ แบบเก่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง GPIO (General Purpose Input/Output) ส่วนแบบใหม่จะอยู่ที่มุมครับ
- กับอีกอันนึงคือ Case ใหม่ จะเพิ่มขา GPIO อีก 2 ขาครับ
src : Catching up on September progress
💡 Note
สำหรับการป้องกันตัวเคสผมแนะนำให้หาซื้อซิลิโคนมาใส่นะครับ ช่วยป้องกันรอยขีดขวน รวมไปถึงเพิ่มความเท่ด้วยครับ 😎
🐬Internal Components
ที่นี้เรามาดูส่วนประกอบภายในกันดีกว่าครับ
ส่วนประกอบภายในทั้งหมดของ Flipper Zero
ส่วนประกอบของ PCB ทั้งหมด
โดยเนื้อหาต่อไปนี้ผมจะแบ่งหัวข้อตาม PCB นะครับ ซึ่งแต่ละ PCB จะมีการใส่อุปกรณ์แยกกันไปครับ
⚡Main PCB
แผงนี้จากที่เห็นจะมีอุปกรณ์จำพวก หน้าจอแสดงผล ปุ่มบังคับทิศทาง ปุ่มย้อนกลับ เสาอากาศที่รูปร่างเหมือนสปริง ที่เห็นได้ชัดครับ
⚙️Sub-1 GHz module
ที่นี้เรามาดูตำแหน่งของฟังก์ชั่น Sub-1 GHz กันครับว่าอุปกรณ์เขาติดตั้งไว้ที่ตำแหน่งไหน
Main PCB Top
โมดูล Sub-1 GHz
Flipper Zero มาพร้อมกับโมดูล Sub-1 GHz ที่ใช้ CC1101 transceiver ซึ่งเป็นชิปสำหรับการสื่อสารวิทยุในย่านความถี่ต่ำกว่า 1 GHz โดยโมดูลนี้สามารถรองรับความถี่ในช่วง 300-348 MHz, 387-464 MHz, และ 779-928 MHz ซึ่งช่วยให้ Flipper Zero สามารถทำงานในหลายย่านความถี่ได้เสาอากาศวิทยุ
Flipper Zero ใช้เสาอากาศที่ออกแบบมาสำหรับการสื่อสารในย่าน Sub-GHz ซึ่งทำให้สามารถส่งและรับสัญญาณวิทยุในช่วงความถี่ที่กล่าวถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระยะการใช้งานสูงสุดของการเชื่อมต่อจะอยู่ที่ประมาณ 50 เมตรการรองรับโมดูลวิทยุภายนอก
แอปพลิเคชัน Sub-GHz ของ Flipper Zero รองรับโมดูลวิทยุภายนอกที่ใช้ CC1101 transceiver ทำให้ผู้ใช้สามารถขยายฟังก์ชันการทำงานของ Flipper Zero เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือระบบที่ใช้งานในย่านความถี่ Sub-GHz
รายละเอียดเกี่ยวกับ Sub-1 GHz ของ Flipper Zero
ทรานซีฟเวอร์ (Transceiver): CC1101
กำลังส่งสูงสุด (TX Power): -20 dBm
ย่านความถี่ (Frequency Bands)
(ขึ้นอยู่กับภูมิภาคของเรา)
315 MHz
433 MHz
868 MHz
915 MHz
💡 Note
ย่านความถี่ประเทศไทยมีช่วง Bands ประมาณนี้ครับ
การใช้งาน Sub-GHz
การควบคุมอุปกรณ์ที่ใช้วิทยุ
Flipper Zero สามารถใช้ในการควบคุมอุปกรณ์ที่ใช้งานในย่านความถี่ Sub-GHz เช่น ระบบประตูอัตโนมัติ, อุปกรณ์ IoT, หรือรีโมทคอนโทรลต่างๆ
การเชื่อมต่อกับระบบที่รองรับ Sub-GHz
สามารถใช้งานร่วมกับระบบที่ใช้วิทยุในย่านความถี่ Sub-GHz เช่น ระบบควบคุมอุปกรณ์ที่ใช้ RF, รีโมทคอนโทรล, หรือระบบเครือข่ายไร้สายที่ทำงานในย่านความถี่นี้
⚙️Microcontroller unit
ต่อมาเป็นตำแหน่งหน่วยประมวลผลครับ
Main PCB Back
รายละเอียดเกี่ยวกับ MC ของ Flipper Zero
ข้อมูลหน่วยประมวลผลหลัก
โมเดล (Model): STM32WB55RG
โปรเซสเซอร์แอปพลิเคชัน (Application Processor)
ARM Cortex-M4 (32 บิต)
ความเร็ว: 64 MHz
โปรเซสเซอร์วิทยุ (Radio Processor)
ARM Cortex-M0+ (32 บิต)
ความเร็ว: 32 MHz
การเชื่อมต่อไร้สาย (Radio)
Bluetooth LE (Low Energy): เวอร์ชัน 5.4
พลังส่ง (TX power): สูงสุด 4 dBm
ความไวรับ (RX sensitivity): -96 dBm
อัตราการถ่ายโอนข้อมูล: 2 Mbps
มาตรฐานการสื่อสาร: 802.15.4 และโปรโตคอลที่กำหนดเอง
หน่วยความจำ (Memory)
แฟลชเมมโมรี (Flash): 1024 KB (ใช้ร่วมกันระหว่างแอปพลิเคชันและการสื่อสารวิทยุ)
SRAM: 256 KB (ใช้ร่วมกันระหว่างแอปพลิเคชันและการสื่อสารวิทยุ)
💡 Note
SRAM (Static random-access memory) - Wikipedia
Zigbee Technology คือ? การสื่อสารที่ประหยัดพลังงานแต่ระยะไกล - IoT
⚙️MicroSD card
ถัดไปเป็นหน่วยเก็บความจำครับ
Main PCB Back
รายละเอียดเกี่ยวกับ MicroSD Card ของ Flipper Zero
ความจุสูงสุด
Flipper Zero รองรับ MicroSD card ที่มีความจุสูงสุดถึง 256 GB ซึ่งช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลหรือแฟ้มต่างๆ ได้มากขึ้นความจุที่แนะนำ
ความจุที่แนะนำ สำหรับการใช้งานกับ Flipper Zero คือ 2-32 GB เนื่องจากสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงความจุนี้ประเภทอินเตอร์เฟซ
การเชื่อมต่อกับ MicroSD card ใช้ SPI interface ซึ่งช่วยให้การรับส่งข้อมูลระหว่าง Flipper Zero และ MicroSD card เป็นไปได้อย่างรวดเร็วความเร็วในการอ่าน/เขียน
Flipper Zero รองรับความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลที่ สูงสุดถึง 5 Mbps ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การบันทึกข้อมูลหรือเก็บแฟ้มจากอุปกรณ์อื่นๆ
การใช้งาน MicroSD card ใน Flipper Zero
การเก็บข้อมูล: สามารถใช้ MicroSD card เพื่อเก็บข้อมูลหรือแฟ้มต่างๆ เช่น บันทึกการทดสอบ, ข้อมูลจากการใช้งาน, หรือแฟ้มการตั้งค่าต่างๆ ของ Flipper Zero รวมไปถึง Sub-GHz ถ้าไม่มี MicroSD card จะไม่สามารถใช้งานได้
การเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล: โดยการใช้ MicroSD card สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลใน Flipper Zero ได้ตามต้องการ
💡 Note
ในปัจจุบัน Flipper Zero จะบังคับให้เราใส่ MicroSD card และอัพเดรตเฟรมแวร์ ดังนั้นใครคิดจะซื้อเตรียม MicroSD card ไว้ด้วยนะครับของผมใช้ 64 GB
ได้พอใส่ไปจริงๆแล้วจะได้ประมาณ 59 GB น่าจะเพราะอัพเดตแฟรมแวร์ครับ
⚙️USB
Main PCB Back
รายละเอียดเกี่ยวกับ USB ของ Flipper Zero
ประเภทของการเชื่อมต่อ
Flipper Zero ใช้ การเชื่อมต่อ USB Type-C ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นิยมในอุปกรณ์สมัยใหม่ เนื่องจากมีความสะดวกในการเชื่อมต่อทั้งสองด้านมาตรฐาน
Flipper Zero รองรับ USB 2.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ USB ที่สามารถให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้สูงถึง 12 Mbpsความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล
ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล อยู่ที่ 12 Mbps ซึ่งเพียงพอสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง Flipper Zero และคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆกระแสการชาร์จสูงสุด
กระแสไฟฟ้าสูงสุดสำหรับการชาร์จ คือ 1 A ซึ่งสามารถชาร์จ Flipper Zero ได้อย่างรวดเร็ว
การใช้งาน USB ใน Flipper Zero
การถ่ายโอนข้อมูล
ใช้ USB Type-C เพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล เช่น การอัปเดตเฟิร์มแวร์, การถ่ายโอนไฟล์, หรือการเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ
การชาร์จ
ใช้ USB Type-C ในการชาร์จแบตเตอรี่ของ Flipper Zero โดยสามารถชาร์จได้ด้วยกระแสไฟฟ้าสูงสุด 1 A
⚙️GPIO
Main PCB Back
Pinout ของ GPIO
Flipper Zero มีขา 18 ขาที่ด้านบนของตัวเครื่อง ซึ่งประกอบไปด้วยขาจ่ายไฟและขา I/O ขาจ่ายไฟสามารถใช้จ่ายไฟให้กับโมดูลภายนอก ขา I/O รองรับแรงดันไฟฟ้า 3.3 V ทั้งสำหรับอินพุตและเอาต์พุต ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันของขา Flipper Zero สามารถดูได้ในรูปภาพด้านล่าง
Flipper Zero’s pins
ขา +3.3 V (ขา 9)
เอาต์พุตเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
โหลดสูงสุด: 1.2 A
การ์ด microSD ของ Flipper Zero จะใช้ไฟจาก +3.3 V และในระหว่างการอัปเดตเฟิร์มแวร์หรือการติดตั้งการ์ด microSD การจ่ายไฟให้ขา 9 จะถูกปิดชั่วคราว
⚠️คำเตือน
เชื่อมต่อโมดูลภายนอกที่มีโหลดความจุไฟฟ้าสูงเมื่อ Flipper Zero ปิดเครื่องเท่านั้น มิฉะนั้นข้อมูลบนการ์ด microSD อาจเสียหายได้
ขา +5 V (ขา 1)
ขา 1 สามารถจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ในตัวหรือสาย USB
เมื่อ Flipper Zero เชื่อมต่อกับสาย USB, ไฟจะถูกจ่ายจาก USB โดยตรง ไม่ควรเกินกระแสสูงสุด 1.2 A
⚠️คำเตือน
เมื่อ Flipper Zero เชื่อมต่อกับสาย USB ไฟที่จ่ายให้ขา 1 จะมาจาก USB โดยตรง ห้ามใช้กระแสเกิน 1.2 A
ขา I/O
การใช้พลังงานจากขา I/O ไม่ควรเกิน 5 W มิฉะนั้นแบตเตอรี่จะเข้าสู่โหมดป้องกัน และ Flipper Zero อาจปิดตัวลงได้
แต่ละขาสามารถจ่ายกระแสได้สูงสุด 20 mA
ความทนทานของ 3.3 V และ 5 V
ขา I/O ของชิป CMOS ในรุ่น STM32WB55 MCU ของ Flipper Zero ถูกออกแบบมาให้ทำงานในช่วงแรงดัน 3.3 V ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนสถานะของขา I/O ในโหมด
เมื่อ Flipper Zero อยู่ในโหมด DFU (Device Firmware Update) ขาของไมโครคอนโทรลเลอร์จะเปลี่ยนสถานะยกเว้นขา 17 โดยการเปลี่ยนแปลงสถานะนี้จะอธิบายไว้ในตาราง
Flipper Zero GPIO pinout
รายละเอียดเกี่ยวกับ GPIO ของ Flipper Zero
จำนวนพิน GPIO (General Purpose Input/Output):
Flipper Zero มี 13 พิน I/O ที่พร้อมใช้งานสำหรับการเชื่อมต่อภายนอกผ่านคอนเนคเตอร์ 2.54 มม.ระดับแรงดัน (Voltage Level)
การทำงานที่ระดับ 3.3 V CMOS ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานกับอุปกรณ์ที่ใช้แรงดันต่ำการทนทานต่อแรงดัน (Voltage Tolerance)
พินสามารถรับแรงดันที่สูงถึง 5 V โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน AN4899)กระแสที่รองรับ
พินดิจิทัลสามารถจ่ายกระแสได้สูงสุด 20 mA ต่อพิน ซึ่งสามารถใช้กับการขับโหลดขนาดเล็กได้
การใช้งานของ GPIO
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก: สามารถใช้ GPIO เพื่อเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ต่างๆ หรืออุปกรณ์อื่นๆ เช่น มอเตอร์, ไฟ LED, เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ, และอื่นๆ
กรณีไม่สวมเคสซิลิโคน
⚠️ ถ้าใส่ถูกต้องจะไม่เห็น GPIO pins
กรณีสวมเคสซิลิโคน
⚠️ ถ้าใส่ถูกต้องจะไม่เห็น Gap ตรงกลาง
- การขยายการทำงาน: การมีพิน GPIO เพิ่มเติมช่วยให้สามารถขยายการทำงานของ Flipper Zero เพื่อทำการทดลองหรือโครงการต่างๆ ได้ตามต้องการ
⚡NFC RFID PCB
NFC RFID PCB Top
NFC RFID PCB Back
⚙️NFC
ชิป NFC
Flipper Zero ใช้ ST25R3916 NFC chip ซึ่งเป็นชิป NFC ที่รองรับการทำงานในคลื่นความถี่สูง (High Frequency) ที่ 13.56 MHz ชิปนี้ใช้สำหรับการอ่านและการจำลองการ์ดในโปรโตคอล NFC ที่หลากหลายเสาอากาศ NFC
Flipper Zero มาพร้อมกับเสาอากาศ 13.56 MHz สำหรับการทำงานในคลื่นความถี่สูง ซึ่งรองรับโปรโตคอลต่างๆ ของ NFC และสามารถใช้ในการอ่านการ์ดหรือจำลองการ์ด NFC ได้
รายละเอียดเกี่ยวกับ NFC ของ Flipper Zero
ทรานซีฟเวอร์ (Transceiver): ST25R3916
ชิปทรงพลังที่รองรับการสื่อสาร NFC ในหลายรูปแบบ
ความถี่ (Frequency): 13.56 MHz
เป็นความถี่มาตรฐานสำหรับ NFC
การ์ดที่รองรับ (Supported Cards)
ISO-14443A/B
มาตรฐาน NFC ที่ใช้ในบัตรสมาร์ตการ์ดและระบบจ่ายเงินต่าง ๆ
NXP MIFARE
MIFARE Classic®
MIFARE Ultralight®
MIFARE DESFire®
FeliCa™
ใช้ในระบบการจ่ายเงินและการขนส่งในประเทศญี่ปุ่น เช่น Suica และ Pasmo
HID iClass (Picopass)
การ์ดที่นิยมใช้ในระบบควบคุมการเข้า-ออกในองค์กร
โปรโตคอล NFC Forum
ครอบคลุมการใช้งาน NFC ทั่วไป เช่น การส่งข้อมูลระยะใกล้หรือการสื่อสารกับสมาร์ตโฟน
การใช้งาน NFC
การอ่านการ์ด NFC
รองรับการอ่านการ์ดมาตรฐาน NFC ที่ความถี่ 13.56 MHz เช่น MIFARE Classic, DESFire, และอื่นๆ
การจำลองการ์ด NFC
Flipper Zero สามารถจำลองการ์ด NFC ได้ ทำให้สามารถใช้งานในการจำลองบัตรต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยี NFC
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ
รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้ NFC เช่น สมาร์ทโฟน, ระบบชำระเงินที่รองรับ NFC และอื่นๆ
⚡Antenna PCB
⚙️RFID 125 kHz
รองรับ RFID 125 kHz
Flipper Zero มีระบบ RFID 125 kHz ที่สามารถอ่านและจำลองการ์ด RFID ในคลื่นความถี่ต่ำ (Low Frequency) 125 kHz โดยใช้ STM32WB55 microcontroller unit เป็นหน่วยประมวลผลหลักสำหรับการทำงานของ RFID 125 kHzเสาอากาศ 125 kHz
เสาอากาศ 125 kHz ถูกติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังของ Flipper Zero ซึ่งทำงานร่วมกับการรับ-ส่งข้อมูลในความถี่ 125 kHz สำหรับการอ่านการ์ด RFID ที่รองรับความถี่นี้การจัดวางเสาอากาศ
เสาอากาศ 125 kHz ถูกจัดวางอยู่บน Dual Band RFID antenna ข้างๆ กับเสาอากาศ 13.56 MHz ซึ่งทำให้ Flipper Zero สามารถรองรับทั้งโปรโตคอล RFID ที่ความถี่ต่ำ (125 kHz) และความถี่สูง (13.56 MHz) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รายละเอียดเกี่ยวกับ RFID 125 kHz ใน Flipper Zero
ความถี่ (Frequency): 125 KHz
การมอดูเลต (Modulation)
AM (Amplitude Modulation): การมอดูเลตแบบแอมพลิจูด
OOK (On-Off Keying): รูปแบบการส่งข้อมูลแบบเปิด-ปิด
การเข้ารหัส (Coding)
ASK (Amplitude Shift Keying): การเปลี่ยนแปลงความเข้มของคลื่น
PSK (Phase Shift Keying): การเปลี่ยนแปลงเฟสของคลื่น
การ์ดที่รองรับ (Supported Cards)
Flipper Zero รองรับการ์ด RFID 125 KHz หลายประเภท ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบรักษาความปลอดภัยและการควบคุมการเข้า-ออก เช่น
EM-Micro EM4100
HID H10301
IDTECK Idteck
Motorola Indala 26
Kantech IoProx XSF
AWID
FECAVA FDX-A
ISO FDX-B
Generic HID Prox
Generic HID Ext
Farpointe Pyramid
Viking
Jablotron
Paradox
PAC Stanley
Keri
Gallagher
Honeywell Nexwatch
Electra
Securakey
การใช้งาน 125 kHz RFID
การจำลองการ์ด RFID 125 kHz: Flipper Zero สามารถจำลองการ์ด RFID 125 kHz เพื่อใช้งานกับระบบที่ใช้เทคโนโลยีนี้
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับ RFID 125 kHz: รองรับการทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเข้าถึงและระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยี RFID 125 kHz
⚡iButton PCB
💡 Note
ลำโพง Piezo และ IR ก็วางอยู่บน PCB นี้เช่นกันครับ
⚙️iButton 1-Wire
iButton 1-Wire เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ผ่านบัส 1-Wire ซึ่ง Flipper Zero รองรับโปรโตคอลต่างๆ สำหรับการติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ เช่น การอ่านข้อมูลจากบัตร iButton หรือใช้งานกับระบบล็อคที่รองรับการสื่อสารแบบ 1-Wire.
Flipper Zero มาพร้อมกับโมดูล iButton ที่ประกอบด้วยแผ่น iButton และปีกนกแบบสปริง 3 ตัวที่ติดตั้งอยู่บน PCB ของ iButton
ขาของโมดูล iButton
ขาทั้งสองขา: ใช้สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลและเชื่อมต่อกับ GPIO ขา 17
ขากลาง: เป็นขาที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับกราวด์
iButton PCB Top
iButton PCB Back
รายละเอียดเกี่ยวกับ iButton 1-Wire ใน Flipper Zero
ขาใช้สำหรับการอ่านและเขียน iButton
การเชื่อมต่อ iButton (Slave) กับ Flipper Zero (Master)
ขาข้อมูลด้านซ้ายและขากลาง (กราวด์) ใช้สำหรับการอ่านและเขียน iButton keys
การเชื่อมต่อ Flipper Zero (Slave) กับเครื่องอ่าน iButton (Master)
ขาข้อมูลด้านขวาและขากลาง (กราวด์) ใช้สำหรับการจำลอง iButton keys
โปรโตคอลที่รองรับ
Dallas DS199x, DS1971
CYFRAL
Metakom
TM2004
RW1990
⚙️Infrared
-
โมดูลอินฟราเรด (Infrared) ในตัว
Flipper Zero มาพร้อมกับโมดูลอินฟราเรดที่ประกอบไปด้วย หน้าต่างพลาสติกโปร่งแสงสำหรับแสงอินฟราเรด, LED อินฟราเรดสามตัวสำหรับส่งสัญญาณ, และ ตัวรับสัญญาณอินฟราเรด ซึ่งทำให้ Flipper Zero สามารถใช้งานในฟังก์ชันที่ต้องการการส่งและรับสัญญาณอินฟราเรดได้ การส่งสัญญาณอินฟราเรด
Flipper Zero ใช้ LED อินฟราเรด ในการส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ที่รองรับการรับสัญญาณอินฟราเรด เช่น รีโมทคอนโทรลต่างๆ หรืออุปกรณ์ที่ใช้การควบคุมด้วยอินฟราเรดการรับสัญญาณอินฟราเรด
โมดูลอินฟราเรดใน Flipper Zero มี ตัวรับอินฟราเรด ที่สามารถรับสัญญาณจากอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณอินฟราเรดมา เช่น รีโมททีวีหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
iButton PCB Top
iButton PCB Back
รายละเอียดเกี่ยวกับ Infrared ใน Flipper Zero
ความยาวคลื่น RX: 950 นาโนเมตร (±100 นาโนเมตร)
การพกพาคลื่น RX: 38 KHz (+/-5%)
ความยาวคลื่น TX: 940 นาโนเมตร
การพกพาคลื่น TX: 0-2 MHz
กำลังส่ง TX: 300 mW
โปรโตคอลที่รองรับ
NEC family
Kaseikyo
RCA
RC5, RC6
Samsung
SIRC
การใช้งานของ Infrared ใน Flipper Zero
การจำลองรีโมทคอนโทรล
สามารถจำลองการส่งสัญญาณจากรีโมทคอนโทรลที่ใช้งานผ่านอินฟราเรดได้ เช่น การควบคุมทีวี, เครื่องเสียง, หรืออุปกรณ์ที่รองรับการควบคุมด้วยอินฟราเรด
การรับสัญญาณจากรีโมทคอนโทรล
สามารถรับสัญญาณอินฟราเรดจากรีโมทคอนโทรลต่างๆ เพื่อจำลองหรือควบคุมอุปกรณ์เหล่านั้น
⚙️Buzzer
iButton PCB Top
บัซเซอร์ของ Flipper Zero มีความถี่ที่สามารถปรับได้ระหว่าง 100 ถึง 2500 Hz และสามารถผลิตเสียงได้ถึง 87 dB ทำให้สามารถได้ยินเสียงแจ้งเตือนในหลากหลายสถานการณ์.
⚙️Vibration motor
มอเตอร์สั่นของ Flipper Zero มีกำลังการสั่นสูงถึง 30 N และหมุนด้วยความเร็วถึง 13,500 rpm
⚙️Battery
Flipper Zero ใช้แบตเตอรี่ LiPo ที่มีความจุสูงถึง 2100 mAh ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้นานถึง 28 วัน โดยการทำงานได้ในอุณหภูมิที่หลากหลายตั้งแต่ 0° ถึง 40° C.
รายละเอียดเกี่ยวกับ Battery ใน Flipper Zero
ประเภทแบตเตอรี่: แบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์ (LiPo)
ความจุแบตเตอรี่: 2100 mAh
อายุการใช้งานแบตเตอรี่: สูงสุดถึง 28 วัน
อุณหภูมิการทำงาน: 0° ถึง 40° C (32° ถึง 104° F)
🐬Flipper Zero First start
สำหรับผู้ที่เพิ่งซื้อเครื่องหรือได้เครื่องมาใหม่ๆ ผมแนะนำสิ่งที่ต้องเตรียมและควรทำเป็นลำดับแรกก่อนนั้นคือ ชาร์จ Flipper Zero ก่อนครับ
สิ่งที่เราจะได้ภายในกล่องจะมีดังนี้ครับ
Manual x1
Sticker x1
USB-Type C x1
Flipper Zero x1
สิ่งที่ต้องซื้อเพิ่ม
MicroSD card x1 **จำเป็นมาก** (ส่วนความจุขั้นตํ่า 4GB แต่ผมใช้ 64GB ครับ)
Flipper Zero Screen Protectors x1 (ถ้าซื้อ 1 เซ็ตเราจะได้ฟิล์มทั้งหมด 3 อัน)
Flipper Zero Silicone Case x1
🐬Start Procedure
1. Plug in USB to PC
ลำดับแรกนำ Flipper Zero ต่อ USB-Type C เชื่อมเข้ากับคอมพิวเตอร์ก่อนครับ เพื่อเช็คว่ามีแบตเตอรี่มั้ย
2. Power on
เปิดเครื่อง Flipper Zero โดยกดปุ่ม BACK ค้างไว้ 3 วินาที ครับ (โดยปกติถ้าต่อปลั๊กจะเปิดอัตโนมัติ)
src : First start - Flipper Zero - Documentation
💡 Note
ถ้า Flipper Zero เปิดไม่ติดให้ผมแนะนำดังนี้ครับ
ต่อ USB-Type C เชื่อมเข้ากับคอมพิวเตอร์ โดยปกติจะเปิดอัตโนมัติ
ถ้าต่อปลั๊กแล้วยังไม่ติด กดปุ่มไปทางซ้าย พร้อมกับ ปุ่ม BACK ค้างไว้ 5 วินาที เพื่อทำการ Rebooting
src : First start - Flipper Zero - Documentation
ถ้ายังยังเปิดไม่ติดอีก ลองทำ Firmware recovery
สามารถซ่อมแซมเฟิร์มแวร์ที่เสียหายได้ด้วย qFlipper และ USB Device Firmware Update (DFU) bootloader ที่มีอยู่ในตัว การใช้ USB DFU bootloader จะช่วยให้อัปเดต Flipper Zero ได้โดยไม่ต้องผ่านระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของข้อผิดพลาดระหว่างการอัปเดต
รีบูตอุปกรณ์
กดปุ่ม LEFT และ BACK ค้างไว้เป็นเวลา 5 วินาที
ชาร์จอุปกรณ์
ใช้สาย USB Type-C ที่ให้มา ชาร์จ Flipper Zero เป็นเวลาหลายนาที เพราะแบตเตอรี่อาจหมดจนเกลี้ยง
⚠️อุปกรณ์ไม่สามารถอัปเดต แสดงภาพ หรือไม่มีการตอบสนองเมื่อกดปุ่ม ⚠️
การซ่อมแซมผ่าน USB DFU Bootloader
เชื่อมต่อ Flipper Zero กับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB
เปิดโปรแกรม qFlipper บนคอมพิวเตอร์
ทำตามคำแนะนำใน qFlipper เพื่อเข้าสู่ DFU Mode
ดาวน์โหลดและติดตั้งเฟิร์มแวร์ใหม่ผ่าน qFlipper
💡 Note
การซ่อมแซมเฟิร์มแวร์จะลบข้อมูลทั้งหมดในหน่วยความจำภายใน
ข้อมูลที่จะถูกลบ
ระดับของโลมา (dolphin’s level), การตั้งค่า และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จับคู่ไว้จะถูกลบทั้งหมดข้อมูลที่จะถูกเก็บรักษาไว้
ข้อมูลที่อยู่ใน microSD card จะไม่ได้รับผลกระทบและจะยังคงอยู่หาก Flipper Zero ยังคงไม่สามารถอัปเดตได้อย่างถูกต้อง แสดงผลภาพ หรือไม่ตอบสนองต่อการกดปุ่ม ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่าง ครับ
เปลี่ยนไปยังโหมด Recovery
การเปลี่ยน Flipper Zero ไปที่โหมด Recovery จะเปิดใช้งาน USB DFU bootloader ในตัว เพื่อเริ่มการซ่อมแซมด้วย qFlipper ขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับสถานะของอุปกรณ์
⚠️อุปกรณ์ทำงานได้ แต่ไม่สามารถอัปเดตได้⚠️
ไปที่ Main Menu -> Settings -> Power
เลือก Reboot -> Firmware Upgrade
กดปุ่ม RIGHT เพื่อรีบูต
เชื่อมต่อ Flipper Zero กับคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย USB คอมพิวเตอร์ควรตรวจจับ Flipper Zero เป็นอุปกรณ์ DFU
ดำเนินการซ่อมแซมเฟิร์มแวร์ผ่าน qFlipper
⚠️อุปกรณ์ไม่ตอบสนองหรือไม่สามารถเข้าสู่เมนูได้⚠️
กดปุ่ม LEFT และ BACK ค้างไว้เป็นเวลา 5 วินาที
ปล่อยปุ่ม BACK แต่ยังคงกดปุ่ม LEFT จนกว่าไฟ LED สีน้ำเงินจะติดขึ้น
เชื่อมต่อ Flipper Zero กับคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย USB คอมพิวเตอร์ควรตรวจจับ Flipper Zero เป็นอุปกรณ์ DFU
ดำเนินการซ่อมแซมเฟิร์มแวร์ผ่าน qFlipper
⚠️ตรวจสอบการเชื่อมต่อ⚠️
windows
ไปที่ Device Manager
ค้นหาอุปกรณ์ที่ชื่อ DFU in FS Mode
- หากแสดงผลดังกล่าว แสดงว่า Flipper Zero เชื่อมต่อในโหมด DFU สำเร็จแล้ว
💡 Note
อุปกรณ์ Flipper Zero DFU ไม่มาพร้อมกับไดรเวอร์สำหรับ Windows
ไดรเวอร์จะถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติในระหว่างขั้นตอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน qFlipper
macOS
ไปที่ -> About This Mac -> More Info -> System Report
ไปที่ Hardware -> USB
ค้นหาอุปกรณ์ที่ชื่อ DFU in FS Mode
- หากแสดงผลดังกล่าว แสดงว่า Flipper Zero เชื่อมต่อในโหมด DFU สำเร็จแล้ว
💡 Note
รายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อใน macOS จะไม่รีเฟรชโดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่ ให้กด Command + R เพื่อรีเฟรชรายการ
หรือใช้ Terminal:
เปิด Terminal
ใช้คำสั่ง
system_profiler SPUSBDataType
เพื่อแสดงข้อมูล USBค้นหาอุปกรณ์ที่ชื่อ STMicroelectronics STM Device in DFU Mode
- Linux
Terminal
พิมพ์คำสั่ง
lsusb
ค้นหาอุปกรณ์ STMicroelectronics STM Device in DFU Mode ในรายการที่แสดง
GUI
ไปที่ USB Devices
ค้นหา DFU in FS Mode ในรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
⚠️อุปกรณ์ไม่ถูกตรวจพบเป็นอุปกรณ์ DFU⚠️
ลองใช้สาย USB อื่น
หากเป็นไปได้ เชื่อมต่อ Flipper Zero โดยตรงกับพอร์ต USB บนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ หลีกเลี่ยงการใช้ตัวแปลง (adapter) หรือฮับ (hub)
ถอด microSD card ออกจาก Flipper Zero ชาร์จอุปกรณ์ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วลองเชื่อมต่อใหม่โดยไม่ใส่ microSD card
⚠️qFlipper ไม่สามารถซ่อมแซมเฟิร์มแวร์ได้⚠️
ตรวจสอบให้แน่ใจว่า แอปพลิเคชัน qFlipper ถูกติดตั้งอย่างถูกต้อง บนคอมพิวเตอร์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูที่การติดตั้ง qFlipper
รีบูตอุปกรณ์ของคุณ โดยการกดและค้างปุ่ม LEFT และ BACK ไว้ในขณะที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับสาย USB จากนั้นทำการซ่อมแซมเฟิร์มแวร์อีกครั้ง
หาก qFlipper ยังคงไม่สามารถซ่อมแซมเฟิร์มแวร์ได้ รีบูตอย่างหนัก โดยการกดและค้างปุ่ม BACK ไว้เป็นเวลา 30 วินาที โดยไม่มีการเชื่อมต่อกับสาย USB แล้วทำการซ่อมแซมอีกครั้ง
รัน qFlipper ในฐานะผู้ดูแลระบบ (Run as administrator)
หากเป็นไปได้ เชื่อมต่อ Flipper Zero โดยตรงกับพอร์ต USB บนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ หลีกเลี่ยงการใช้ตัวแปลง (adapter) หรือฮับ (hub)
หากคุณพบปัญหาบนคอมพิวเตอร์ Windows ไปที่ Troubleshooting drivers on Windows
3. Insert MicroSD card
ใส่ MicroSD card
ความจุรองรับสูงสุด 256 GB
ความจุขั้นตํ่า 4 GB
รองรับ FAT12, FAT16, FAT32, and exFAT
src : https://docs.flipper.net/basics/sd-card
⚠️ important
ใน document แนะนำ microSD cards ที่มีคุณภาพหน่อยนะครับ เช่น SanDisk, Kingston หรือยี่ห้ออื่นๆ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Flipper zero แต่ถ้าใช้ microSD cards ประสิทธิภาพตํ่า ยี่ห้อแปลกๆ ประสิทธิภาพก็จะลดลงไปตามนั้น รวมไปถึงอาจจะทำให้เครื่องเสียหายได้ครับ
✅ข้อดีของการใช้ microSD cards คุณภาพสูง
สามารถยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
เมื่อเปิดไฟพื้นหลังหน้าจอ Flipper Zero จะใช้กระแสไฟฟ้าประมาณ 30 mA หากใช้การ์ด microSD ที่เป็นแบรนด์แท้คุณภาพสูง แต่หากใช้การ์ด microSD ที่ไม่ได้คุณภาพ กระแสไฟฟ้าที่ใช้อาจเพิ่มขึ้นถึง 50 mA ซึ่งส่งผลให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของอุปกรณ์สั้นลง
หากพบว่าแบตเตอรี่ของ Flipper Zero หมดเร็ว ให้ตรวจสอบการใช้กระแสไฟฟ้าได้ที่:
Main Menu -> Settings -> Power -> Battery Info⚠️ important
ในกรณีที่ Flipper Zero ของคุณไม่สามารถอ่านการ์ด microSD ได้
*ไม่ใช่ microSD ทุกการ์ดที่จะสามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากเสียบเข้าช่อง*
หากเห็นข้อความบนหน้าจอแสดงปัญหาเกี่ยวกับ microSD card หลังจากเสียบเข้าไป อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้ครับ
microSD card มีระบบไฟล์ที่ไม่ใช่ FAT12, FAT16, FAT32 หรือ exFAT
-> ให้ฟอร์แมต microSD cardmicroSD card ไม่มีระบบไฟล์ใด ๆ
-> ให้ฟอร์แมต microSD card
ให้ไปที่ Main Menu -> Settings -> Storage
เลือก Format SD Card และ กดปุ่มขวาเพื่อฟอร์แมต
⚠️หากการฟอร์แมตผ่าน Flipper Zero ล้มเหลว⚠️
ฟอร์แมต microSD card โดยใช้คอมพิวเตอร์ (PC)
ลองใช้ microSD card อันอื่นแทน
มีฝุ่นในช่องเสียบ microSD card
-> ทำความสะอาดช่องเสียบอย่างระมัดระวังด้วยเครื่องเป่าลมแบบแรงดันmicroSD card ไม่มีอินเทอร์เฟซแบบ SPI
-> ลองใช้ microSD card อันอื่นmicroSD card เสียหาย
-> ลองใช้ microSD card อันอื่น⚠️ important
การถอดการ์ด microSD อย่างปลอดภัย
การถอด microSD card อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจาก Flipper Zero จะทำการอ่านและเขียนข้อมูลจาก microSD card อยู่ตลอดเวลา หากถอดการ์ดออกขณะที่ยังมีการใช้งาน อาจทำให้ข้อมูลในการ์ดเสียหายหรือระบบไฟล์ของการ์ดพังได้
ขั้นตอนการถอด microSD card อย่างปลอดภัย
ไปที่ Main Menu -> Settings -> Storage
เลือก Unmount SD Card และทำตามคำแนะนำที่แสดงบนหน้าจอ
- การ Unmount จะหยุดการใช้งาน microSD card ของอุปกรณ์
เมื่อได้รับการแจ้งเตือนว่าการ Unmount เสร็จสิ้นแล้ว ให้ถอด microSD card ออกจาก Flipper Zero โดยการกดเบา ๆ เพื่อปลดล็อก จากนั้นดึงการ์ดออกอย่างระมัดระวัง
4. Update Firmware
หลังจากที่ใส่ MicroSD card เรียบร้อยแล้วให้ทำการอัพเดตแฟรมแวร์ ซึ่งสาเหตุที่ต้องใส่ MicroSD card ก่อนเนื่องจากในการอัพเดตจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลครับ
โดยวิธีอัพเดตแฟรมแวร์ มีอยู่ 2 วิธีครับ
4.1. อัพเดตผ่าน qFlipper
4.1.1. ติดตั้งซอฟแวร์
ติดตั้ง qFlipper Setup
Windows
MacOS
4.1.2. เปิดโปรแกรม แล้วเชื่อมต่อ Flipper zero
LED จะเป็นสีแดง
4.1.3. ไปที่ Advanced controls > Update
Linux
4.2. อัพเดตผ่าน Flipper Mobile App
ที่นี้เราก็พร้อมใช้งานแล้วครับ 🎉
READY SET GOOO!!!!! 🏍️💨
💀 Flipper Zero in Penetration Testing
src : Flipper Zero: what this Tamagotchi-like tool can do | Cybernews
ถ้าเราว่ากันด้วยเรื่องของ Red Team Assessment Hardware จริงๆ Flipper Zero ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถนำมาทดสอบเจาะระบบในเชิงกายภาพได้ดีเช่นกัน ทำไมผมถึงบอกว่าเป็นเชิงกายภาพเนื่องด้วย การออกแบบของ Flipper Zero นั่น เน้นให้เราใช้งานใกล้ๆ กับอุปกรณ์เป้าหมายที่เราต้องการทดสอบระบบนั้นเองครับ
สำหรับบทบาทของ Flipper Zero ในงาน ทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) สามารถทำได้หลากหลายวิธี นอกจากจะสามารถประเมินหรือจัดการทราฟฟิกของเครือข่ายไร้สายจากระยะไกลได้ จำพวก Bluetooth , Sub-GHz , WiFi อุปกรณ์นี้ยังเหมาะกับการทำงานระยะใกล้ เช่น การรันสคริปต์ผ่าน USB, การขโมยข้อมูลจาก NFC และการโจมตีแบบ Brute Force กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตู้เซฟ, เครื่องอ่านบัตร, หรือแม้แต่ประตูโรงรถ ครับ
Using Flipper Zero for Security Assessment
FlipperZero มักต้องอยู่ในระยะใกล้กับ บัตรประจำตัว หรืออุปกรณ์ยืนยันตัวตนที่ใช้ NFC เพียงไม่กี่นิ้ว เพื่อให้กระบวนการระบุตัวตนและการโคลนสำเร็จ สำหรับอุปกรณ์รุ่นปัจจุบันอาจถูกป้องกันได้ง่ายด้วยบัตรที่มีปลอกป้องกันการสแกน RFID หรือบัตรที่อยู่ใต้เสื้อผ้าหลายชั้น หรือบัตรที่เก็บไว้ในกระเป๋าเงินหรือกระเป๋าถือ ซึ่งจริงๆ NFC จำพวกของบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือแม้กระทั้งบัตร Rabbit Card ที่ใช้ใน สถานีรถไฟฟ้า BTS ก็จะมีการเข้ารหัสเอาไว้ครับ
Integration of Flipper Zero in Workflow Processes
src : Flipper Zero: what this Tamagotchi-like tool can do | Cybernews
🔥Coming up Next !!!
สำหรับในครั้งหน้าผมจะปลดล็อคขีดจำกัดแฟรมแวร์เดิมๆ โดยเราจะติดตั้งแฟรมแวร์ชื่อว่า
Unleashed-Firmware
กันครับ
และ Xtreme Firmware
ซึ่งเราจะอีโวลูชั่นจาก Flipper Zero เป็น Dark Flippers ครับ
Flipper Zero เราจะเจ๋ง หรือ เจ๊ง จะเป็นยังไงฝากติดตามด้วยนะครับ
ตอนนี้ผมกำลัง Research อยู่ ถ้าได้ไอเดียเจ๋งๆแล้วจะมาเขียนต่อนะครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ :)
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⢀⣀⣤⣤⣤⣤⣤⣤⣤⣤⣀⣀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀ ⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⢀⣤⣶⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣶⣤⡀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⠀⠀⠀⠀⣠⣾⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣷⣄⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⠀⠀⢠⣾⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⠟⠛⠻⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣷⣄⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⠀⣰⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⡇⠀⠀⠀⢸⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⡿⠂⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⣸⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣦⣤⣴⣿⣿⣿⣿⣿⡿⠛⠁⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⢰⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⠿⠛⠁⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⣾⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⠿⠋ ⢀⣀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⠟⠋⠁⠀⠀ ⣴⣿⣿⣿⣦⠀⠀⠀
⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣷⣦⣀⠀⠀⠀ ⢿⣿⣿⣿⡟ Ar3mus @ Flipper Zero 101
⢿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣷⣦⣄ ⠉⠉⠁⠀⠀⠀⠀
⠸⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣦⣄⡀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⢻⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣶⣄⡀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⠀⠻⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣷⡄⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⠀ ⠙⢿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⡿⠋
⠀⠀⠀ ⠀⠛⢿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⡿⠋⠁
⠀⠀ ⠀⠀⠀⠀⠉⠻⢿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⣿⠿⠛⠉⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀ ⠀⠀⠉⠙⠛⠛⠻⠿⠿⠟⠛⠛⠋⠉⠀⠀⠀⠀⠀